เบื้องหลังผนังศิลาที่ดูสงบนิ่งคือสนามที่เดิมพันด้วยชีวิตความรักสถานะและอนาคตที่ไม่อาจซื้อด้วยอำนาจเพียงอย่างเดียว3สตรีผู้เคยยืนในจุดที่หญิงส่วนใหญ่ในแผ่นดินนี้ไม่อาจก้าวเข้าไปถึงแต่กลับต้องเผชิญจุดจบที่แตกต่างกันอย่างสุดทางหนึ่งต้องจากบ้านเกิดกับโอรสทั้ง4หนึ่งต้องอยู่ในความเงียบงันโดยยังยืนอยู่บนพื้นดินบ้านเกิดและอีกหนึ่งผู้กลับมาอย่างสวนทุกกติกาโศกนาฏกรรมของพวกเธอไม่ได้ถูกเขียนด้วยหมึกแต่มันถูกเขียนด้วยราคาที่ต้องจ่าย
จริงและเมื่อต้องถามว่าชัยชนะในวังหลวงนั้นหน้าตาเป็นอย่างไรคำตอบไม่มีทางง่ายแบบที่ใครคิดเอาเองจากภายนอกวันนี้จะลงไปถึงแก่นกลางของสัญญาณเพื่อดูให้ชัดว่าแท้จริงแล้วใครกันแน่ชนะเกมนี้จริงๆสุจารินีวิวัชชรวงศ์คือหนึ่งในสตรีที่เรื่องราวของเธอฝังอยู่ในความทรงจำของสังคมไทยยุคใหม่อย่างลึกที่สุดไม่ใช่เพราะเธอเป็นคนดังในวงการบันเทิงเท่านั้นแต่เพราะเส้นทางชีวิตของเธอได้เชื่อมเข้าสู่พื้นที่ที่คนธรรมดา
ไม่มีวันเข้าถึงได้ง่ายเส้นทางของเธอเริ่มจากการเป็นนักแสดงดาวรุ่งผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในช่วงเวลานั้นภาพของหญิงสาวที่เต็มไปด้วยความฝันอนาคตและความสว่างไสวจากโลกแห่งแสงสีเป็นจุดเริ่มต้นที่ใครก็คิดว่าเธอจะสามารถก้าวขึ้นไปได้อีกไกลแต่ชะตาชีวิตกลับประตูอีกบานหนึ่งที่น้อยคนนักจะได้ก้าวเข้าไปนั่นคือการได้เข้าใกล้ศูนย์กลางของราชสำนักความสัมพันธ์นั้นนำไปสู่การเปลี่ยนสถานะครั้งใหญ่ซึ่งไม่มีสตรีทั่วไปคนไหน
จะยินถึงเธอได้รับการยกย่องในฐานะหม่อมและต่อมาเป็นพระมารดาของพระโอรสธิดาทั้ง5พระองค์คือโอรส4พระองค์และพระธิดา1พระองค์ซึ่งในบริบทของราชสำนักไทยการมีโอรส4พระองค์คือฐานที่แข็งแรงที่สุดอย่างหนึ่งในประวัติศาสตร์การสืบทอดผู้สืบสันตีวงศ์ภาพของครอบครัวที่ดูสมบูรณ์แบบเต็มไปด้วยความหวังและอนาคตที่มั่นคงถูกตีความโดยผู้คนจำนวนมากวันนี้คือหนึ่งในโครงสร้างครอบครัวที่แข็งแรงที่สุดในรอบหลายทศวรรษแต่ในวังหลวงไม่มีอะไรแน่นอนไม่มีอะไรคง
ที่ตลอดไปการเปลี่ยนแปลงในเชิงสัญญาณมักเริ่มจากสิ่งเล็กละเอียดแทบไม่เห็นการปรากฏตัวที่ลดลงข่าวลือที่เล็ดลอดออกมาจากวงในการตีความสัญญาณเหล่านี้ในยุคนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะการเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกในสมัยนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้สำหรับสาธารณะแต่ถ้าใครเคยเฝ้ามองคลื่นใต้น้ำในวังหลวงจะรู้ว่าบางอย่างกำลังเคลื่อนตัวอย่างเชื่องช้าแต่มั่นคงกระทั่งในปีพุทธศักราช2539วันที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนชะตาชีวิต
ของสุจารินีและพระโอรสธิดาทั้ง5เมื่อมีข่าวว่าพวกเขาได้เดินทางออกจากแผ่นดินไทยแบบฉับพลันไม่มีประกาศไม่มีคำเตือนไม่มีการอธิบายอย่างเป็นทางการมันไม่ใช่การเดินทางท่องเที่ยวมันไม่ใช่การไปพักผ่อนแต่มันคือการจากไปแบบไร้กำหนดหมดวันกลับและสิ่งนี้กลายเป็นบาดแผลครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเธอนี่ไม่ใช่เพียงการจากลาแผ่นดินเกิดแต่มันคือการสูญเสียสถานะการสูญเสียความเป็นตัวตนในบ้านเกิดและที่เจ็บที่สุดคือ
การต้องพาลูกทั้ง5ออกจากขอบเขตแห่งความคุ้นเคยออกจากสังคมที่เขาเกิดและเติบโตแต่ความเจ็บปวดไม่ได้จบเพียงเท่านี้เพราะต่อมาพระธิดาองค์เล็กได้รับอนุญาตให้กลับสู่ประเทศไทยอีกครั้งและกลับสู่พระราชวังแต่โอรสทั้ง4กลับไม่ได้รับอนุญาตเช่นนั้นนี่คือช่วงเวลาแห่งความเงียบที่คนดูจากภายนอกตั้งคำถามโดยไม่มีคำตอบไม่มีใครรู้ความเจ็บลึกในใจแม่ที่ต้องเห็นลูกชายทั้ง4เติบโตในต่างแดนในฐานะสามัญชนไม่มีสิทธิ์ไม่
มีโอกาสในสิ่งที่เคยควรจะเป็นการถูกตัดออกจากร่างเหง้าที่แท้จริงนี่คือความเจ็บปวดที่ไม่มีคำใดในภาษาไหนจะอธิบายได้ครบเรื่องของสุจารินีจึงกลายเป็นบทที่สังคมไทยยังพูดถึงไม่รู้จบทั้งในมุมโศกนาฏกรรมความสูญเสียความไม่แน่นอนและความเงียบที่ไม่มีคำตอบชัดเจนจากใครในโลกใบนี้หลังจากปีพุทธศักราช2539ชีวิตของสุจารินีเดินเข้าสู่โลกอีกใบหนึ่งโลกที่ไม่ใช่พื้นที่อำนาจไม่ใช่พื้นที่ของฐานันดรศักดิ์แต่เป็นโลกของความจริงแบบมนุษย์ธรรมดา
โลกที่ต้องเลี้ยงลูกด้วยมือของตนเองต้องปรับตัวต้องต่อสู้ต้องยืนอยู่ในพื้นที่ที่ไม่มีระบบสนับสนุนขนาดใหญ่เหมือนในประเทศไทยและต้องสอนลูกทั้ง5ให้เติบโตขึ้นในความเป็นจริงที่ไม่มีสิ่งใดการันตีอนาคตความเจ็บปวดที่มองไม่เห็นตรงนี้ต่างหากคือราคาที่เธอต้องจ่ายอย่างยาวนานที่สุดราคาข้อแรกคือการสูญเสียสถานะทั้งหมดในสังคมไทยภาพของอดีตนักแสดงชื่อดังภาพของหญิงที่เคยถูกพูดถึงในฐานะมารดาของโอรสทั้ง4กลายเป็นอดีตที่ถูกกลืนหายไป
ในความเงียบความทรงจำของคนไทยต่อเธอค่อยๆถูกดึงออกจากพื้นที่สาธารณะเธอไม่ได้มีเวทีไม่มีพื้นที่ไม่มีโอกาสอธิบายหรือปกป้องตัวเองสิ่งนี้คือการหายไปโดยไม่ต้องมีคำสั่งหากมองเชิงอำนาจนี่คือความพ่ายแพ้แบบที่คนจำนวนมากมองเห็นได้ชัดเจนที่สุดราคาข้อที่2คือการที่ลูกทั้ง4ต้องเติบโตในต่างแดนโดยไม่มีโอกาสกลับคืนสู่สภาพแวดล้อมที่ควรเป็นรากเหง้าที่แท้จริงตามสายเลือดการเติบโตโดยไม่มีอำนาจหนุน
หลังไม่มีโครงการคุ้มกันไม่มีสิทธิพิเศษคือเส้นทางที่โหดที่สุดสำหรับเด็กที่เกิดมาในวังหลวงการต้องปรับกับตัวในฐานะสามัญชนในต่างประเทศโดยไม่มีการันตีอนาคตใดๆและไม่มีคำสัญญาว่าสักวันหนึ่งจะสามารถกลับมาอยู่ในพื้นที่บ้านเกิดอีกครั้งนี่คือบาดแผลที่ลึกที่สุดของการเป็นแม่เพราะแม่ไม่ได้เจ็บจากตนเองเท่านั้นแต่เจ็บจากสิ่งที่ลูกต้องเจอร่วมกันทั้งหมดราคาข้อที่3คือการสูญเสียภาพลักษณ์ในฐานะสตรีที่มีบทบาท
สำคัญในประวัติศาสตร์ราชสำนักเธอไม่ได้รับสิทธิ์ในการสร้างพื้นที่ในการบอกเล่าเรื่องราวของตนเองไม่มีโอกาสเปิดปากต่อหน้าสังคมไม่มีโอกาสอธิบายว่าความจริงในมุมของเธอคืออะไรและในความเงียบเช่นนั้นความเจ็บปวดจะหนักขึ้นเรื่อยๆตามกาลเวลาแต่ขณะเดียวกันเมื่อมองอีกด้านหนึ่งนี่คือชัยชนะที่สังคมไทยบางส่วนเริ่มมองเห็นชัดขึ้นตามเวลาชัยชนะที่ไม่ใช่ชัยชนะที่อยู่ในวังไม่ใช่ชัยชนะที่ใช้สถานะรับรองแต่มันคือชัยชนะในชีวิต
จริงชัยชนะข้อแรกคือเสรีภาพถ้าเป็นเพียงคนเดียวใน3สตรีที่ออกมาจากเกมอำนาจนั้นอย่างสมบูรณ์กลายเป็นเจ้านายชีวิตตนเองไม่ต้องก้มดูจังหวะอำนาจไม่ต้องอยู่ใต้ความคาดหวังและแรงกดดันที่มองไม่เห็นไม่มีคำสั่งไม่มีความเงียบที่บังคับให้จมอยู่ในขอบเขตเดิมอีกต่อไปชัยชนะข้อที่2คือชัยชนะในฐานะแม่เพราะลูกทั้ง4เติบโตขึ้นอย่างมีคุณภาพในระดับสากลพวกเขาประสบความสำเร็จด้วยความสามารถของตนเองไม่ใช่เพราะตำแหน่งไม่ใช่เพราะอำนาจแต่เพราะศักยภาพ
ที่แท้จริงชัยชนะสุดท้ายคือการดำรงอยู่ต่อในความทรงจำของประชาชนแม้ไม่มีเวทีในไทยแต่ชื่อของเธอและโอรสทั้ง4ยังไม่เคยถูกลบออกจากความทรงจำของหลายคนนี่คือชัยชนะในเชิงสัญลักษณ์ที่ไม่ไหว้อำนาจแบบไหนก็ลบไม่ได้นี่นี่คือจุดจบแบบหนึ่งแต่ก็เป็นชัยชนะในรูปแบบหนึ่งเช่นกันซีรัตสุวดีคือสตรีที่เส้นทางชีวิตถูกจารึกไว้ในความทรงจำของสังคมไทยในฐานะหนึ่งในผู้หญิงที่เดินทางจากสามัญชนสู่สถานะที่สูงที่สุดในชีวิตของหญิงคน
หนึ่งอย่างงดงามและน่าทึ่งมากกว่าโกนาฏนี่คือบทเรียนว่าความหวังสามารถผลิบานในวังหลวงได้จริงแม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาหนึ่งแต่การพิสูจน์นั้นเคยเกิดขึ้นแล้วและเคยสร้างแรงสรรสะเทือนทางความรู้สึกของผู้คนทั้งประเทศเธอเริ่มต้นชีวิตธรรมดาเหมือนคนทั่วไปไม่มีต้นทุนทางฐานันดรไม่มีเครือข่ายสนับสนุนแบบสถาบันใหญ่แต่ด้วยการทำงานความตั้งใจและบุคลิกอันอ่อนน้อมทำให้เธอค่อยๆก้าวเข้ามาอยู่ในพื้นที่ราชสำนักในฐานะข้าราชบริพาร
ก่อนจะได้รับความไว้วางใจและได้รับพระเมตตาจนได้ขึ้นสู่ตำแหน่งพระวรชายาอย่างเป็นทางการนี่ไม่ใช่เพียงการยกระดับสถานะแต่คือการเปลี่ยนโลกทั้งใบในชีวิตของเธอในแบบที่ไม่มีหญิงสามัญชนคนไหนในยุคนั้นเคยสัมผัสได้ภาพลักษณ์ของเธอในสายตาประชาชนคือความอ่อนโยนสุภาพและมีความจริงใจในทุกการปรากฏตัวเธอไม่ได้โดดเด่นด้วยความฉูดถาดแต่โดดเด่นด้วยความสงบที่มีพลังและยิ่งไปกว่านั้นช่วงเวลาสำคัญที่สุดที่ทำให้เธอกลายเป็น
สตรีที่มีความสำคัญต่ออนาคตของราชวงศ์คือการประสูติพระโอรสสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าที่ปังกรรัศมีโชติในปีพุทธศักราช2548การมีราชทายาทโดยตรงคือแต้มพลังที่ไม่มีอะไรเทียบได้ในระบบอำนาจเช่นนี้ในช่วงรุ่งโรจนนั้นโครงการด้านสังคมที่เธอริเริ่มหลายโครงการโดยเฉพาะโครงการที่มุ่งเน้นความรักในครอบครัวทำให้ภาพลักษณ์ของเธอเป็นภาพของแม่ภรรยาและผู้หญิงที่เติมเต็มบทบาทอย่างสมบูรณ์หลายคนมองว่าเส้นทางของเธอจะมั่นคงยิ่ง
ขึ้นไปเรื่อยๆและเธออาจกลายเป็นสตรีที่สังคมไทยจะพูดถึงในมิติที่งดงามและยั่งยืนไปอีกหลายทศวรรษแต่ในวังหลวงเงียบที่สวยงามอาจเป็นเพียงฉากหน้าก่อนมรสุมหนักความตึงเครียดเริ่มก่อตัวจากสัญญาณเล็กๆเช่นเดียวกับเรื่องราวของสุจาริณีแต่สัญญาณครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องการปรากฏตัวที่ลดลงแต่เป็นการจับจ้องไปยังบุคคลรอบตัวเธอโดยเฉพาะเครือญาติข่าวลือที่ไม่อาจตรวจสอบได้ครั้งนี้เริ่มขยายตัวอย่างรวดเร็วความสงสัยเริ่มแพร่กระจายและใน
สังคมที่ยังไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลอย่างโปร่งใสได้เต็มที่การตีความจึงกลายเป็นอาวุธที่ทำให้สถานะที่มั่นคมที่สุดสามารถเปลี่ยนไปในพริบตาและในปีพุทธศักราช2557เหตุการณ์ที่หลายคนไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นจริงก็เกิดขึ้นเมื่อครอบครัวฝั่งเธอถูกกระแสข่าวอื้อฉาวโจมตีอย่างหนักจนกลายเป็นเหตุการณ์ที่สร้างแรงกระแทกต่อสังคมในวงกว้างจนนำไปสู่จุดเปลี่ยนครั้งที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตของเธอเมื่อมีการขอพระราชทานกราบบังคมทูลลาออกจาก
ฐานันดรแห่งพระราชวงศ์และกลับคืนสู่สถานะสามัญชนอีกครั้งนี่ไม่ใช่การสูญเสียสถานะธรรมดาแต่มันคือการเปลี่ยนแปลงชั่วค่ำคืนในแบบที่ไม่มีโอกาสตั้งตัวไม่มีโอกาสต่อรองไม่มีโอกาสอธิบายและไม่มีโอกาสสร้างพื้นที่ในการบอกเล่ามุมของตนเองจากผู้หญิงที่ครั้งหนึ่งเคยถูกมองว่าเป็นตัวแทนของความหวังในยุคใหม่เธอกลายเป็นผู้หญิงที่ถูกห่อหุ้มไว้ในความเงียบความเงียบที่ทำหน้าที่แทนคำอธิบายบ่ายและความเงียบนี้เองคือสิ่งที่บาดลึกที่สุด
ในหัวใจของประชาชนจำนวนมากเพราะนี่คือโศกนาฏกรรมในแบบที่เห็นอยู่ต่อหน้าแต่ไม่มีใครกล้าอธิบายออกมาอย่างตรงไปตรงมาและสิ่งที่เจ็บที่สุดไม่ใช่การถูกลดสถานะแต่คือการพรากความเป็นแม่จากลูกชายเพียงคนเดียวของเธอยังอาจไม่ต่อต้านได้เลยหลังจากวันที่ศรีรัตน์กลับคืนเป็นสามัญชนทุกอย่างรอบตัวเธอเปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์แบบไม่มีเงื่อนไขไม่มีพื้นที่ต่อรองไม่มีพื้นที่อธิบายไม่มีแม้แต่เสียงของเธอให้คนในสังคมได้
ยินสิ่งเดียวที่เหลืออยู่คือความเงียบความว่างเปล่าและความจริงที่ต้องยอมรับยังไม่มีทางเลือกความเงียบครั้งนี้ไม่ใช่ความเงียบที่เกิดจากการเลือกเดินออกมาอย่างสุจาริณีแต่เป็นความเงียบที่ถูกบังคับอย่างแน่นหนาเป็นกรอบเป็นกำแพงและเป็นข้อจำกัดที่เข้ามาปิดล้อมชีวิตของเธอในทุกทิศทางราคาที่เธอต้องจ่ายในมรสุมครั้งนั้นหนักกว่าราคาของการสูญเสียสถานะมันคือการสูญเสียสิทธิ์ในระดับพื้นฐานของความเป็นมนุษย์คือการสูญเสียอิสระในการ
ปรากฏตัวสูญเสียอิสระในการใช้ชีวิตอย่างปกติธรรมดาในแบบที่คนทั่วไปสามารถทำได้เธอไม่ได้ออกจากประเทศไทยไปไกลเหมือนสุจาริณีแต่เธอถูกทำให้หายไปจากพื้นที่สาธารณะโดยที่ยังอยู่ในแผ่นดินไทยนี่คือความเจ็บที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาแต่สามารถสัมผัสได้ในความรู้สึกและราคาที่บาดลึกที่สุดคือการที่เธอไม่สามารถอยู่เคียงข้างพระโอรสเพียงพระองค์เดียวของเธอพระโอรสที่เป็นเหมือนชีวิตความหมายและอนาคตของเธอทั้งหมด
โศกนาฏกรรมนี้ไม่ใช่แค่เรื่องสถานะแต่มันคือการพรากความเป็นแม่โดยตรงเมื่อแม่ต้องอยู่ในความเงียบลูกต้องเดินบนเส้นทางของอนาคตภายใต้ความคาดหวังและภาระของราชสำนักเพียงลำพังนี่คือความเจ็บที่ไม่สามารถประเมินค่าได้จริงแต่ในความเจ็บปวดเช่นนี้ก็มีความจริงอีกด้านหนึ่งที่ผู้คนจำนวนมากค่อยๆเริ่มเห็นผ่านกาลเวลาชัยชนะของศรีรัตน์ไม่ใช่ชัยชนะที่เกิดขึ้นในปัจจุบันไม่ใช่ชัยชนะที่มองเห็นเป็นรูปธรรมเหมือนชัยชนะของสุจาริณี
ที่ได้อิสระอย่างชัดเจนแต่ชัยชนะของศรีรัตน์คือชัยชนะที่ผูกอยู่กับอนาคตเป็นชัยชนะในระดับสายเลือดเป็นชัยชนะที่มีน้ำหนักมากที่สุดในเกมแห่งอำนาจระยะยาวเพราะไม่ว่าปัจจุบันของเธอจะถูกปิดกั้นไม่ว่าจะถูกลดสถานะไม่ว่าจะถูกปิดเสียงไปอย่างสิ้นเชิงแต่ความจริงที่ไม่เคยเปลี่ยนและไม่มีใครสามารถลบล้างได้คือเธอคือพระมารดาของรัชทายาทโดยสันนิษฐานนี่คือทุนที่ผู้หญิงอีก2คนในเรื่องนี้ไม่ได้ถืออยู่นี่คือมรดกที่ฝั่งอยู่
ในประวัติศาสตร์โดยไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้ดังนั้นต่อให้วันนี้เธอดูเหมือนผู้แพ้ในสายตาคนภายนอกแต่ในเกมที่วัดกันด้วยอนาคตระยะยาวเธออาจเป็นผู้ชนะที่แท้จริงในวันที่เวลาหมุนไปจนถึงจุดที่ผู้สืบสันตติวงศ์เดินขึ้นสู่จุดสูงสุดนั่นหมายความว่าชัยชนะของเธออาจไม่ใช่ให้ชัยชนะของวันนี้แต่เป็นชัยชนะที่รออยู่ในวันข้างหน้าวันที่ทุกคนต้องย้อนกลับมาถามตัวเองใหม่ว่าในท้ายที่สุดแล้วใครกันแน่เป็นผู้ชนะตัวจริงในเกมแห่งอำนาจนี้สิีนาถ
วงษ์วชิราภัก์เป็นสตรีที่เข้ามาในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ของราชสำนักไทยในรูปแบบที่ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงเธอไม่ได้มาจากวงการบันเทิงเหมือนสุจาริณีเธอไม่ได้มาจากสามัญชนสู่บทบาทภรรยาที่สมบูรณ์แบบที่สังคมเคยมองเห็นในกรณีของศรีรัตน์แต่เธอมาจากสายทหารจากสตรีที่ผ่านหลักสูตรฝึกหนักแบบเต็มรูปแบบจากคนที่เริ่มต้นจากการเป็นพยาบาลก่อนก้าวสู่การเป็นทหารรักษาพระองค์ผ่านการฝึกการบินการโดดร่มภารกิจเชิงยุทธวิธีและการปฏิบัติหน้าที่ที่ต้องมีวินัยสูง
เป็นพิเศษเส้นทางของเธอจึงไม่ใช่เส้นทางที่เต็มไปด้วยภาพฝันหวานแต่เป็นเส้นทางของการพิสูจน์ด้วยความสามารถจริงด้วยความพยายามระดับที่คนส่วนใหญ่ในประเทศไม่มีวันเข้าใจว่ามันยากแค่ไหนการปรากฏตัวของเธอในช่วงแรกจึงสร้างความสนใจเป็นเหมือนพลังใหม่แบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมานานมากและในปีพุทธศักราช2562เธอก็ถูกจารึกชื่อในประวัติศาสตร์ทันทีเมื่อได้รับการสถาปนาเป็นเจ้าคุณพระสิณีนาถพิาสัลยาณีตำแหน่งพระสนมเอกอย่างเป็นทางการซึ่ง
ตำแหน่งนี้ไม่เคยถูกใช้มาเกือบ1ศตวรรษในราชวงศ์ไทยเธอกลายเป็นข้องยกเว้นเป็นสัญญาณว่าเกมแห่งอำนาจได้เปลี่ยนกติกาและการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เกิดในยุคใหม่ต่อหน้าประชาชนทั้งโลกภาพของเธอในช่วงเวลานั้นไม่ได้ถูกสร้างด้วยความอ่อนโยนโหรือภาพแม่ผู้เสียสละแต่เป็นภาพของหญิงแกร่งผู้มีวินัยผู้พร้อมเคียงข้างพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการปฏิบัติภารกิจต่างๆใกล้ชิดระดับสูงเธอเป็นสตรีที่สร้างภาพจำแบบนักรบมากกว่าเทพนิทาน
และนี่ทำให้เธอแตกต่างจาก2สตรีคนก่อนอย่างชัดเจนที่สุดแต่เพราะความแตกต่างนี่เองความตึงถึงเครียดและแรงเสียดทานก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในสายตาของคนที่เฝ้าตามสัญญาณเชิงอำนาจการปรากฏตัวในพิธีต่างๆการวางตัวการถูกเปรียบเทียบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้กับสมเด็จพระนางเจ้ากลายเป็นสมการที่ซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆเพราะตำแหน่งที่เธอถือคือพื้นที่ที่ถูกจับตาและเป็นตำแหน่งที่ต้องใช้ความละเอียดอ่อนสูงที่
และความเปลี่ยนแปลงครั้งแรกในชีวิตเธอเกิดขึ้นเร็วเกินกว่าที่สังคมทันตั้งตัวเพียงประมาณ3เดือนหลังการสถาปนาในเดือนตุลาคมปีเดียวกันนั้นเองมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าให้ปลดเธอออกจากทุกตำแหน่งและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทั้งหมดพร้อมเหตุผลที่เข้มแรงอย่างชัดเจนนี่คือช่วงเวลาแห่งการทรุดลงอย่างกะทันหันในระดับรุนแรงที่สุดในบรรดาสตรีทั้ง3ที่ถูกพูดถึงเธอไม่ได้ถูกพรากจากแผ่นดินไม่ได้ถูกบังคับให้หายไป
ในความเงียบแต่เธอถูกล้มลงต่อหน้าสาธารณะอย่างแรงต่อเนื่องรุนแรงที่สุดนี่คือโศกคณัตกรรมแบบที่แตกต่างจากสุจาริีและศรีรัตน์อย่างสิ้นเชิงเธอเหมือนนักรบที่ทะยานขึ้นอย่างรวดเร็วและถูกฟาดตกลงในจังหวะที่ไม่มีใครตั้งรับได้ทันตำแหน่งที่เคยทำให้เธอกลายเป็นปรากฏการณ์ระดับประวัติศาสตร์กลับกลายเป็นจุดที่ทำให้เธอต้องเผชิญราคาที่หนักที่สุดณช่วงเวลานั้นเพราะนี่ไม่ใช่แค่การลดสถานะแต่เป็นการประกาศต่อโลกว่าเกมแห่ง
อำราชมีผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียวการเทียบตนเองขึ้นไปในระดับนั้นเป็นสิ่งที่อันตรายอย่างที่สุดในสนามแบบนี้และการพลิกผันครั้งนี้ยังไม่ใช่จุดจบของเธอด้วยซ้ำหลังจากการถูกปลดออกจากตำแหน่งและสูญเสียเกียรติยศทุกอย่างต่อหน้าประชาชนเส้นทางของินนีนาถดูเหมือนจะจบลงในแบบเดียว>>>>กับสตรีอีกหลายที่เคยเดินเข้าใกล้อำนาจระดับสูงในประวัติศาสตร์แต่เรื่องของเธอไม่ได้หยุดอยู่ตรงนั้นเพราะ1ปีต่อมาในเดือนสิงหาคมพุทธศักราช
2563ก็เกิดเหตุการณ์พลิกผันครั้งใหญ่ที่สั่นสะเทือนความรู้สึกของคนทั้งประเทศและแม้แต่ผู้สังเกตการต่างประเทศเมื่อมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าให้คืนสถานะและฐานันดรศักดิ์ทั้งหมดให้แก่ินีนาถอย่างเป็นทางการพร้อมทั้งระบุชัดว่าเธอไม่ได้มีมลทินมัวหมองนี่คือการกลับมาในแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาในรอบหลายสิบปีและกลายเป็นเหตุการณ์ที่น่าตะลึงที่สุดในเรื่องราวของสตรีทั้ง3การกลับมาครั้งนี้ทำให้คนทั้งสังคมไทยและ
ผู้ติดตามข่าวจากต่างประเทศตั้งคำถามมากขึ้นกว่าเดิมไม่ใช่เพราะข้อเท็จจริงที่ถูกประกาศแต่เพราะการกลับมาในตำแหน่งแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับใครอีกมาก่อนเธอกลายเป็นข้อยกเว้นหนึ่งเดียวของเกมแห่งอำนาจในยุคใหม่นี่ไม่ใช่ชัยชนะในเชิงสถานะเพียงอย่างเดียวแต่เป็นชัยชนะในเชิงการดำรงอยู่ในระบบที่ขึ้นชื่อว่าเข้มงวดที่สุดและไม่มีใครสามารถหวนคืนได้หลังถูกปลดอย่างเป็นทางการแต่แม้จะได้คืนทุกอย่างความจริงอีก
ด้านหนึ่งก็คือบทบาทของเธอหลังการกลับมาไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปพื้นที่การปรากฏตัวการมีส่วนร่วมในภารกิจสาธารณะดูเหมือนจะค่อยๆลดลงอย่างช้าเธอไม่ได้หายไปแบบถูกประกาศซ้ำครั้งที่2แต่เป็นการหายไปแบบจางหายอย่างเงียบไม่มีรูปแบบไม่มีคำอธิบายไม่มีความชัดเจนว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้นนี่คือโศกนาฏกรรมแบบที่ต่างจากสุจารินีและศรีรัตน์อย่างชัดเจนเธอไม่ได้จบด้วยการสูญเสียสถานะถาวรเหมือนสุจาริณีและไม่ได้จบด้วยความเงียบที่ถูกบังคับทัพ
แบบศรีรัตน์แต่เธอติดค้างอยู่ในสถานะที่ไม่แน่ชัดไม่มั่นคงและไม่สามารถคาดเดาได้ว่าสถานการณ์ต่อไปจะเปลี่ยนแปลงไปทิศทางใดเธออยู่ในความผันผวนตลอดเวลาและนี่คือราคาที่หนักที่สุดของการเป็นข้อยกเว้นหนึ่งเดียวในเกมอำนาจระดับนี้ชัยชนะของเธอไม่ได้ถูกพิสูจน์ด้วยการยืนหยุดสูงสุดอย่างมั่นคงแต่เป็นชัยชนะในการทำลายแนวคิดเดิมที่ว่าเมื่อถูกปลดจบเกมเธอคือหลักฐานที่ว่ากฎเกณฑ์สามารถถูกทำลายได้สถานะสามารถกลับมาได้บทสรุดเดิม
สามารถเขียนใหม่ได้แต่ในขณะเดียวกันที่เธอยืนอยู่ในพื้นที่ระหว่างกลางที่ไม่มีขอบเขตชัดเจนก็ทำให้เธอต้องเผชิญกับราคาของความไม่มั่นคงที่อาจจะรุนแรงยิ่งกว่าการถูกปลดครั้งแรกเสียด้วยซ้ำเพราะวันนี้ไม่มีใครสามารถตอบได้ว่าเส้นทางของซินีน่าจะจบลงตรงไหนไม่มีใครรู้ว่าเธอจะกลับมาปรากฏตัวอีกครั้งในรูปแบบใดหรือเธออาจจะถูกปิดเป็นความเงียบอีกครั้งหนึ่งโดยไม่ต้องประกาศอย่างเป็นทางการเหมือนรถไฟเหาะที่ขึ้นสูงสุดลง
ต่ำสุดแล้วหยุดอยู่ในจุดที่ค้างอยู่กลางอากาศไม่มีตอนจบที่ชัดเจนนี่คือโศกนาฏกรรมแบบพิเศษเฉพาะของเธอเพราะเธอคือผู้หญิงที่ทำให้คำว่าข้อยกเว้นกลายเป็นความจริงในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ของไทยเมื่อแยกมองแต่ละเหตุการณ์ของสุจาริณีศรีรัตน์และสิมีนาถจะเห็นแต่โศกนาฏกรรมแบบเฉพาะตัวแต่เมื่อเริ่มนำทั้ง3มาวังบนโต๊ะเดียวกันแล้วมองแบบแยกมิติของชัยชนะตามธรรมชาติของเกมอำนาจในวังหลวงเราจะเห็นความจริงที่คมชัดขึ้นว่าชัยชนะไม่เคยมี
รูปแบบเดียวไม่ได้มีคำจำกัดความเดียวและไม่เคยวัดกันด้วยคำว่าอยู่หรือไม่อยู่อย่างชัยชนะในวังหลวงไม่ใช่การแข่งขันกีฬาที่นับแต้มได้ไม่ใช่ตัวเลขไม่ใช่คะแนนโหวตแต่เป็นคำที่ต้องตีความผ่านสิ่งที่เหลืออยู่เมื่อเวลาผ่านไปสิ่งที่ไม่ถูกลบสิ่งที่ไม่ถูกกลืนสิ่งที่ยังดำรงได้แม้สถานะจะเปลี่ยนแม้ฉากหน้าเปลี่ยนแม้ผู้คนจะตีความกันไปคนละทิศละทางถ้าเราวาง3สตีนี้ลงบน3แกนหลักของเกมอำนาจได้แก่อิสรภาพอนาคตและความยืด
หยุ่นเราจะเห็นความแตกต่างแบบชัดเจนที่สุดในมิติอิสรภาพสุจาริณีคือผู้หญิงที่หลุดออกมาจากกรอบใหญ่ที่สุดแบบสมบูรณ์ด้วยราคาที่เจ็บของการต้องห่างบ้านเกิดและต้องเห็นลูกเติบโตในต่างแดนแต่สิ่งที่เขาได้รับคือชีวิตที่ไม่มีคนควบคุมไม่มีระบบอำนาจกดทัพไม่มีการเฝ้าจับตามองทุกลมหายใจเธอหายออกจากเกมและในบางแง่นั่นคือการชนะเกมเพราะเกมที่เราไม่ต้องอยู่ในเกมไม่มีวันทำร้ายเราได้อีกในมิติอนาคตศรีรัตน์คือผู้ถือ
ไพ่ที่ใหญ่ที่สุดต่อระบบราชสำนักเพราะพระโอรสองค์เดียวของเธอคือรากฐานของอนาอนาคตและสายเลือดที่ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้ไม่ว่าเธอจะอยู่ในสถานะใดเธอถูกบังคับให้เงียบหรืออยู่ในรูปแบบใดสิ่งนี้คือความทิงที่ฝังไว้ในอนาคตโดยตรงและนี่คือชัยชนะที่ไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นในปัจจุบันแต่เป็นชัยชนะที่อาจปรากฏผลในวันที่เวลาผ่านไปจนถึงจุดสูงสุดของการสืบสันตติวงศ์และในมิติความยืดหยุ่นซินนีนาถคือผู้หญิง
ที่สร้างปรากฏการณ์แบบที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนเธอถูกปลดลงต่อหน้าสาธารณะอย่างชัดเจนและกลับมาอย่างเป็นทางการอีกครั้งนี่คือการทำลายกฎที่หนักที่สุดของเกมที่ไม่เคยมีใครหวนคืนได้หลังถูกปลดหากชัยชนะคือการไม่ยอมจบในตอนที่คนคาดว่าควรจบเธอคือผู้หญิงที่พิสูจน์ได้ชัดที่สุดว่าทุกบทสรุปของเกมนี้สามารถเขียนใหม่ได้ในวินาทีต่อมาแม้ผลลัพธ์สุดท้ายอาจยังคลุมเครือไม่มั่นคงและไม่แน่นอนที่สุดในบรรดาทั้ง3ก็ตาม
เพราะฉะนั้นเมื่อมองในระดับโครงสร้างแต่ละคนชนะในมิติของตนเองและแพ้ในมิติของตนเองไม่มีผู้หญิงคนไหนได้ทั้งหมดแต่ทุกคนได้บางสิ่งที่ไม่มีอีก2คนมีนี่คือความจริงลึกที่สุดของเกมอำนาจมันไม่เคยมีผู้ชนะที่ครอบครองทุกมิติพร้อมกันได้เลยเมื่อพยายามมองภาพรวมในระยะยาวเกมนี้ไม่เคยเป็นเกมที่ผู้ชนะจะเดินออกมาพร้อมมงกุฎไม่ใช่เกมที่ตัดสินด้วยพิธีใช่ที่สังคมภายนอกสามารถหยิบกติกามาแล้วเข้าใจได้ทันที
เพราะกฎของวังหลวงไม่ใช่กฎที่ถูกประกาศบนกระดาษแต่เป็นกฎที่ทำงานผ่านความสัมพันธ์บทบาทเวลาเงื่อนไขและความเปลี่ยนแปลงที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าในพื้นที่แบบนี้ไม่มีผู้หญิงคนไหนจะเดินเข้าไปโดยไม่ต้องจ่ายอะไรเลยและไม่มีใครออกมาได้โดยไม่ทิ้งบางสิ่งข้างสุจารินีคือผู้หญิงที่ต้องสูญเสียบ้านเกิดชื่อเสียงและอนาคตของลูกทั้ง4ในฐานะโอรสแต่เธอได้อิสรภาพกลับคืนมาอย่างสมบูรณ์เธอไม่ต้องอยู่ในกรอบของแกมอีกต่อไปเธอไม่ต้องลุ้นไม่ต้องเสี่ยงและ
ไม่ต้องต่อรองกับอะไรที่อยู่เหนือกติกาเธอเจ็บแล้วเธอเดินออกมาเธอจบเกมแบบที่เจ็บแต่ชัดและนี่คือชัยชนะที่คนจำนวนมากในโลกภายนอกจะเข้าใจได้ง่ายที่สุดเพราะมันคือชัยชนะที่จับต้องได้และเห็นได้ด้วยชีวิตจริงศรีราชคือผู้หญิงที่ถูกพรากจากการเป็นแม่ถูกห่อด้วยความเงียบถูกบังคับให้หายไปทั้งที่ยังอยู่ในแผ่นดินนี้แต่นั่นไม่ได้ลบความจริงที่ว่าเธอคือพระมารดาของพระโอรสที่มีสถานะสูงสุดต่ออนาคตของราชวงศ์
เกมนี้ของเธออาจยังไม่ถึงบทสรุปมันคือการวางเดิมพันด้วยอนาคตไม่ใช่ปัจจุบันความเงียบอาจไม่ใช่จุดจบแต่เป็นการรอเวลาและนี่คือชัยชนะที่ยากที่สุดเพราะมันคือชัยชนะที่อิงกับกาลเวลาไม่ใช่ชัยชนะที่เกิดขึ้นในตอนนี้ศีนีาศคือผู้หญิงที่พิสูจน์ว่ากฎตายตัวของเกมนี้สามารถถูกเขียนใหม่ได้จริงเธอถูกปลดต่อหน้าประชาชนและเธอกลับมาอย่างเป็นทางการนี่คือสิ่งที่ทำให้เธอกลายเป็นข้อยกเว้นหนึ่งเดียวของประวัติศาสตร์ยุคใหม่แต่ราคาของการเป็น
ข้อยกเว้นก็คือเธอไม่เคยมีความแน่นอนในอนาคตไม่มีใครตอบได้ว่าเรื่องของเธอจะสิ้นสุดในแบบไหนเธออาจไม่ได้แพ้และอาจไม่ได้ชนะอย่างเต็มรูปแบบแต่เธอสร้างรอยในเส้นประวัติศาสตร์ที่ไม่มีใครลบได้อีกต่อไปเมื่อนำทั้ง3มาประกอบกันเป็นภาพเดียวเราจะเห็นว่าเกมนี้ไม่เคยมีคำว่าผู้ชนะหนึ่งเดียวเลยตั้งแต่ต้นเกมนี้คือเกมที่ทุกคนต้องจ่ายและแต่ละคนได้บางสิ่งกลับคืนมาในแบบที่ต่างกันคนหนึ่งได้อิสรภาพคนหนึ่งได้อนาคตคน1ได้ทำลายกติกา
ที่ไม่มีใครเคยทำได้นี่คือความจริงที่ซ่อนอยู่ใต้โครงสร้างอำนาจที่คนภายนอกไม่มีวันเข้าใจได้ทั้งหมดเพราะในเกมนี้ความจริงไม่ได้อยู่ในคำประกาศหรือฐานันดรแต่ซ่อนอยู่ในสิ่งที่ยังคงดำรงอยู่แม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตามเกมนี้ยังไม่ปิดฉากและบางทีจุดจบของ3เรื่องนี้ยังไม่ได้ปรากฏขึ้นจริงเลยด้วยซ้ำที่สุดแล้วโศกนาฏกรรมของผู้หญิงทั้ง3นี้ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องราวส่วนบุคคลของใครคนหนึ่งแต่สะท้อนให้
เห็นโครงสร้างของอำนาจในประเทศไทยที่ลึกไปเกินกว่าที่สาธารณะจะมีโอกาสได้เข้าถึงความเจ็บปวดความสูญเสียความเปลี่ยนแปลงและราคาที่ต้องจ่ายในเกมนี้ไม่เคยเกิดจากการตัดสินใจของพวกเธอเพียงลำพังแต่เกิดจากแรงกดดันและเงื่อนไขที่หมุนอยู่ในระดับที่ไม่มีใครควบคุมได้ทั้งหมดไม่มีใครควรจะมองเรื่องนี้แบบผิวเผินเพราะนี่ไม่ใช่ดราม่าไม่ใช่ข่าวฉาบฉวยนี่คือชั้นลึกของความเป็นมนุษย์ความหวังความกลัวและความจริงที่ไม่มีใครอยากพูดตรงๆ
และเมื่อมองกลับมาที่ตัวเราเองสิ่งสำคัญที่สุดอาจไม่ใช่การตัดสินว่าใครคือผู้ชนะแบบแท้จริงแต่คือได้เรียนรู้ว่าในเกมที่ใหญ่กว่าสปอตไลท์ในเกมที่ใหญ่กว่าเกียรติยศชัยชนะอาจไม่ได้วัดด้วยตำแหน่งที่สูงสุดแต่อาจวัดจากสิ่งที่ยังเหลืออยู่ในตอนสุดท้ายตอนนี้ถึงตาของผู้ชมทุกคนแล้วอยากให้คุณลองทบทวนจากมุมมองของคุณเองจากข้อมูลทั้งหมดที่ได้ฟังได้เห็นได้วิเคราะห์ร่วมกันวันนี้ในมุมของคุณใครคือผู้ที่ชนะแบบแท้จริงใน3เส้น
ทางนี้โปรดแสดงความคิดเห็นของคุณด้านล่างบอกเหตุผลบอกมุมคิดแลกเปลี่ยนกันอย่างสุภาพและให้พื้นที่กันและกันได้คิดต่ออย่าลืมกดไลค์กดแชร์และกดติดตามช่องของเราเพราะยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องถอดรหัสจากเบื้องหลังวังหลวงนี้และเราจะพาคุณลงไปดูในชั้นที่ลึกทิ่งกว่านี้อีกครั้งในตอนต่อไปคุณมาถึงตอนท้ายแล้วนี่คือจุดที่เสียงของคุณสำคัญที่สุด
