เพลงชุดแสนเศร้า😭 คนร้องพลันลาโลก ร้องไว้แต่ไม่ได้ฟังตลอดกาล

เศร้าเหลือหลายเพลงชุดนี้ช่วยฟังแทนคนร้องด้วยเพราะชีวิตเธอหาไม่แล้วหากจะจัดอันดับชีวิตนักร้องคนดังที่บรรจุความเศร้าไว้มากล้นมี1คนที่ต้องจิตทำเนียบลำดับต้นๆแน่นอนนั่นก็คือแววมยุราหรือแววอาภัสราที่พอเกิดมาก็ลำบากตั้งแต่วัยเยาว์มีใบหน้าแววตาที่หม่นเศร้าแม้หลังโด่งดังมีชื่อเสียงเธอก็ประสบปัญหาสารพัดแบบภาระไว้มากมายจนวาระสุดท้ายก็จากไปอย่างน่าเวทนาและแสนน่าเสียดายจุดหนึ่งที่น่าเห็นใจน่าเศร้าแทนเธอก็คือวัน

ที่เธอจากไปคือเช้าวันที่24มกราคมปี2532นั้นห่างจากวันที่เธอบันทึกเสียงเพลงชุดหนึ่งซึ่งพลันกลายเป็นชุดสุดท้ายไว้เพียง12วันกล่าวคือคุณอุทัยศรีสุวรรณนายทุนที่เคยสนับสนุนเธอและเฝ้ามองดูความเป็นอยู่ของเธอที่ต้องประสบชะตากรรมหนักหน่วงด้วยความสงสารอยากช่วยเหลือให้เธอกลับมามีสิทธิ์อีกครั้งจึงได้ลงทุนทำเพลงชุดกุหลาบเวียงพิงค์ให้เธอโดยบันทึกเสียงเสร็จเมื่อวันที่12มกราคมปี2532แต่เวลาผ่านไปเพียงสัปดาห์กว่าๆเช้าวันที่24มกราคมปี2532เธอก็โดนจาก

ไปเสียก่อนโดยไม่ทันได้เห็นผลงานที่เธออุตส่าห์บันทึกเสียงไว้แล้วกลายเป็นผลงานชิ้นสุดท้ายเพื่อรำลึกนึกถึงเธอเราขอนำตัวอย่างเพลงชุดที่แสนเศร้านี้มาเปิดให้ฟังช่วยฟังแทนคนร้องที่ไม่มีโอกาสได้ฟังหน่อยนะครับกุหลาบเวียงพิงค์[เพลง][เพลง]บ่ลืมอีสาน[เพลง]น้ำตาเมียหลวงอย่างนี้คิดถึงไหนว่าไม่ลืม[เพลง][เพลง]บ้านนาคอยพี่[เพลง]อ้ายกาย[เพลง]พี่ก็น้องนางห่วงยางฟ้าน้องไม่เคยรักพี่นี่เป็นตัวอย่างเพลงพอเห็นภาพคร่าวๆนะครับท่านที่สนใจอยากฟังเพลงเต็มๆก็มีผู้

ลงไว้แล้วในYouTubeหาฟังได้เลยแววมยุราหรือแววอาภัสรามีชื่อจริงว่าสมหมายเรียงสาเกิดเมื่อปี2505ที่บ้านเลขที่63หมู่2ตำบลห้วยคตอำเภอบ้านไร่จังหวัดอุทัยธานีเวลาชื่อบุญช่วยมารดาชื่อและใหม่เรียงสามีพี่น้องทั้งหมด8คนโดยเธอเป็นคนที่4พ่อแม่มีอาชีพทำร้ายข้าวโพดเธอเรียนจบชั้นป4ที่โรงเรียนบ้านหินโง่นจังหวัดอุทัยธานีเมื่อเรียนจบเด็กหญิงสมหมายได้ช่วยพ่อแม่ทำร้ายข้าวโพดหารายได้เลี้ยงชีพไปตามประสาชาวไร่ชาวนาเด็กหญิงสมหมายหลงใหลในเสียงเพลงมาตั้ง

แต่เด็กเธอเก็บฝักข้าวโพดไปปากก็ร้องเพลงไปซึ่งเสียงที่ไพเราะทำให้คุณพ่อแอบปลื้มอยู่ไม่น้อยเพราะเธอมีความรู้แค่ป.4ยุคนั้นไม่เอื้อให้มีทางเลือกไปทำงานอื่นได้มากนักความฝันที่ตัวเธอและพ่อแม่แอบลุ้นและหวังไว้ก็คือการผลักดันให้ลูกเป็นนักร้องดังให้ได้สักวันหนึ่งหากเธอได้เป็นต้องบันทึกแผ่นเสียงน่าจะมีรายได้มาจุนเจือครอบครัวได้มากกว่าหนทางอื่นเท่าที่จะมองเห็นว่ากันว่าเวลาเธอไปประกวดร้องเพลงเธอจะขี่คอพ่อไปและร้องเพลงในชุด

นักเรียนซึ่งเป็นชุดเดียวที่ดูดีที่สุดสำหรับเด็กหญิงชาวไร่อย่างเธอบางครั้งต้องเดินทางไกลจึงไปถึงเวทีประกวดก็ตอนที่เขากำลังจะเลิกแต่เธอก็ได้ร้องเพลงเพราะความสงสารเด็กที่มาไกลเส้นทางการก้าวมาเป็นนักร้องอัดแผ่นของเธอเริ่มต้นขึ้นในวันหนึ่งคือราวๆเดือนพฤศจิกายนปี2517วงดนตรีพรนารายณ์โดยพรภานารายณ์ได้จัดประกวดร้องเพลงลูกทุ่งทางสถานีวิทยุวสป.ลพบุรีในรายการเสียงทองน้องใหม่กติกาคือผู้เข้าประกวดอายุไม่เกิน15ปีโดยทำ

การคัดเลือกอยู่3เดือนมีผู้สมัครทั้งหมดจำนวน600คนแน่นอนเด็กหญิงสมหมายเรียนสาซึ่งจับจ้องจดจ่อหาหนทางอยู่แล้วจึงเป็นผู้สมัครคนหนึ่งใน600คนนี้โดยผู้เป็นพ่อได้พาเธอไปสมัครยังไม่รีรอหรือลังเลแม้แต่น้อยเพราะมั่นใจในความสามารถและน้ำเสียงของบุตรสาวขณะนั้นถ้าเธอมีอายุเพียง12ปีเท่านั้นหลังการคัดเลือกผ่านไป3เดือนปรากฏว่าเธอคือผู้ชนะเลิศอันดับ1จากการคัดเลือกเอาไว้3คนตามธรรมเนียมของวงดนตรีพรนารายณ์นักร้องที่

ชนะเลิศในแต่ละปีจะได้รับการอุปการะเป็นบุตรบุญธรรมเด็กหญิงสมหมายเรียนสาจึงกลายเป็นบุตรบุญธรรมของพรภาณาลัยตั้งแต่นั้นมาเวลาล่วงเลยไปราวๆปีกว่าหลังจากพรภานารายณ์ได้ฝึกสอนวิธีร้องเพลงที่ถูกต้องให้กับนักร้องน้องใหม่จนเกิดความชำนาญแล้วก็ได้ให้เธอบันทึกแผ่นเสียงเพลงแรกในชีวิตเมื่อปี2518ในเพลงแม่ค้าแผงลอยซึ่งเป็นผลงานการประพันธ์ของธงชัยเล็กกำพลตอนนี้เองที่สมหมายเรียงสาได้รับการตั้งชื่อนักร้องใหม่เป็นแววอาภัสราลำพัง

เพลงแม่ค้าแผงลอยเพลงเดียวก็ส่งให้ชื่อแววอาภัสราเป็นที่รู้จักของแฟนเพลงทันที[เพลง]เมื่อต้นเผยพระครูปลั๊กแปลงแต่ว่าเป็นหมู่แม่หนูเช่าอยู่แพงเลยต่อมาเธอก็ได้ร้องเพลงน้องไม่มีสิทธิ์ซึ่งเป็นผลงานแต่งของครูอัมพรหมื่นศรีธามาร้องอีกเพลงนึงยิ่งเพิ่มชื่อเสียงให้เธอมากขึ้นไปอีกปี2518แววอาภัสราซึ่งเป็นเพียงเด็กสาวแรกรุ่นอายุเพิ่ง13ปีเท่านั้นก็มีชื่อเสียงโด่งดังสมกับที่เป็นความหวังของครอบครัวแล้วปีนั้นพรพรนารายณ์รับนักร้องเข้ามาใหม่หลายคนเช่น

ศักดาฟ้าอุทัยศักดิ์ศรีศรีเมืองรบหรือปัจจุบันนี้ก็คือชูศรีเชิญยิ้มตลกชื่อดังนั้นเองครูสนิทมโนรัตน์จึงได้แต่งเพลงคู่ให้ร้องหลายเพลงเช่นชีวิตเด็กขยะลิเกเงินผ่อนเป็นต้นในปีต่อมาเราอภัสราได้ร้องบันทึกเสียงผลงานเพลงของครูรบิรัติหลายเพลงเช่นข้าวหม้อเดิมขุดดินแช่งแนวหลังสั่งแฟนก็โด่งดังอีกเวลาต่อมาเมื่อวงดนตรีภาณารายณ์ยุบลงแววอาภัสราที่ตัวเป็นสาวแล้วก็ได้ย้ายไปอยู่กับวงดนตรีสายัณห์คันคิดซึ่งมีสายัณห์จันทรสมบูรณ์กับ

ครรชิตขวัญประชาเป็นหัวหน้าวงจากนั้นหลังปี2522แววอาภัสราได้ย้ายมาอยู่กับวงดนตรีสายัณห์สัญญาโดยมีอุทัยศรีสุวรรณเจ้าของบริษัทสหวงเฮงจำกัดเป็นผู้สนับสนุนโดยนำเพลงความรักเหมือนยาขมที่พุ่มพวงดวงจันทร์เคยร้องไว้มาให้เธอร้องบันทึกแผ่นเสียงใหม่ปรากฏว่าเธอก็ร้องได้ดีมากเช่นกันตอนนี้เองที่เธอได้เปลี่ยนนามสกุลใหม่จากแววอาภัสราเป็นแววมยุราต่อมาอุทัยศรีสุวรรณก็ให้บันทึกเสียงอีกหลายชุดซึ่งเป็นเพลงที่ร้องแก้กับสายัณห์สัญญาเช่นชุดไม่มีใครรักจริงกำพร้า

สายัณห์สุริยันจันทราช่วงที่เธอมาอยู่กับสายัณห์สัญญานี่เองแววมยุราได้พบรักกับสกุลอารมณ์ก่อนผู้จัดการวงสายัณห์ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมงาน7พลังหนุ่มที่มีส่วนสำคัญที่ผลักดันให้วงสายัณห์สัญญามีชื่อเสียงโด่งดังอย่างมากทั้งคู่ตกลงอยู่กินเป็นสามีภรรยากันจากนั้นเธอกับสามีก็แยกไปตั้งวงของตัวเองโดยอุทัยศรีสุวรรณเป็นผู้ออกทุนสนับสนุนให้เวลาต่อมาเกิดมีเรื่องเข้าใจผิดกันขึ้นทำให้อุทัยศรีสุวรรณ[เพลง][เพลง][ปรบมือ][เพลง]วันนี้มีมาเที่ยวเข้ามาติดพันหรือหลง

เสน่ห์ว่ากันว่าแววมยุราเองก็มีข่าวมีเสี่ยมาติดพันบ่อยครั้งแม้เธอจะปฏิเสธและระมัดระวังตัวแต่ก็ไม่วายโดนเมียเมียของเสี่ยนั่นเสี่ยนี่ครูจะทำร้ายอยู่1เดือนทำให้เธอต้องหวาดระแวงเวลาต้องเดินกลับคอนโดยามดึกๆดื่นๆนับตั้งแต่สามีจากไปชีวิตเธอยังไปได้ไม่สวยเท่าที่ควรจู่ๆมรสุมชีวิตลูกใหญ่ก็โถงเข้าหาเธออย่างรุนแรงหนักหน่วงเมื่อนายสายชลเรียงสาน้องชายของเธอซึ่งทำงานเป็นพนักงานอยู่ที่นภาลัยคาเฟ่ที่เดียวกับที่เธอร้องเพลง

อยู่ได้ร่วมกับพวกรุมทำร้ายนักศึกษาธุรกิจการบินที่พาเพื่อนมาเที่ยวห้องอาหารจนถึงแก่ความตายต่อมาตำรวจได้จับกุมนายสายชลและดำเนินคดีโดยไม่ได้รับการประกันตัวในชั้นศาลแววมยุราพยายามหาเงินมาประกันตัวน้องชายอย่างเต็มที่แต่ยังขาดเงินอยู่200,000บาทไม่สามารถกู้ยืมจากใครได้ทำให้เธอเครียดกลัดกลุ้มสูงอกเธอแบกหน้าไปขอความช่วยเหลือจากคนที่เธอให้ความนับถือที่สุดแต่ก็ได้รับการปฏิเสธชีวิตเธอจึงเหมือนหมดที่พึ่งคำนี้เธอขาดเงินขาดคนคอยเคียงข้างคนให้

กำลังใจให้คำปรึกษาให้ความพึ่งพาในยามทุกข์หนักดูเหมือนไม่มีเลยสำหรับเธอสามีจากไปยังไม่พอเพียง1ปีให้หลังคล้ายโชคชะตารังแกต่อด้วยปัญหาด่วนที่มองไม่เห็นทางออกเธอจึงโดนบังจากแสงสว่างของชีวิตราวกับถูกต้อนข้อมูลมืดอันไร้แสงแล้วในที่สุดเรื่องเศร้าสลดใจก็เกิดขึ้นเช้าวันนั้นเป็นวันที่24มกราคมปี2532ก่อนเวลา9:30นนางสาวมณีรัตน์นวลผ่องน้องสะใภ้ของแววมยุราเป็นผู้พบศพเธอเป็นคนแรกในห้องน้ำของสัตว์นครหลวงคอนโดมิเนียม

เมื่อตำรวจมูลนิธิได้รับแจ้งและมาถึงที่เกิดเหตุก็พบร่างของแววมยุรานอนเสียชีวิตแล้วจากการจบชีวิตตนเองเธอเสียชีวิตลงในวัยเพียง27ปีเท่านั้นเองฝากไว้แต่เพียงตำนานชีวิตและผลงานเพลง[เพลง]ขอขอบคุณอาจารย์สัมพันธ์พัทลุงที่เอื้อเฟื้อประวัติให้เรานำมาเล่าขานสืบต่อตำนานเพลงขอบคุณมากครับ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *